สถานะการเก็งกำไรระยะสั้นที่เป็นขาลงทั้งหมดของเงินดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าในสัปดาห์ที่รายงาน โดยถึงระดับ -10.1 พันล้านดอลลาร์ แคนาเดียนดอลลาร์และเยนแข็งค่าขึ้นมากที่สุด ในขณะที่การเคลื่อนไหวของยูโรอ่อนแรงลงเล็กน้อย—แต่ไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม ต้องยอมรับว่า ดอลลาร์ยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างหนักหน่วง

ราคาทองคำทำลายสถิติแทบทุกวัน โดยเกินกว่า 3,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่าไม่ใช่ขีดจำกัด นอกจากนี้ น้ำมันก็เริ่มกลับมามีการเติบโต แม้ว่าจะมีการเบนทิศทางไปยังสินทรัพย์ปลอดภัยชัดเจน สิ่งนี้บ่งบอกว่านักลงทุนไม่มองว่าดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นแหล่งปลอดภัยอีกต่อไป

เหตุขายหุ้นในวันจันทร์เกิดจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยปกติ ในโพสต์ใน Truth Social ทรัมป์เรียกประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ เจอโรม พาวเวลล์ ว่า "ความล้มเหลวใหญ่หลวง" และเรียกร้องให้เริ่มต้นการลดอัตราดอกเบี้ยทันที ตามที่ทรัมป์กล่าว อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ แทบจะถูกควบคุมได้แล้ว และการล่าช้าในการลดอัตราดอกเบี้ยจะนำไปสู่การชะลอตัวทางเศรษฐกิจ—สิ่งที่เขาพยายามหลีกเลี่ยงในทุกวิถีทาง เขาต้องแสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ เป็นเศรษฐกิจที่น่าเชื่อถือและน่าดึงดูดในสงครามภาษีของเขาเพื่อกระตุ้นการไหลเข้าของทุน

นอกจากนี้ มีรายงานว่าทรัมป์พิจารณาที่จะไล่พาวเวลล์ออก (ซึ่งเขาเป็นคนแต่งตั้ง) ก่อนที่วาระการทำงานของพาวเวลล์จะสิ้นสุด ข้อความนี้ได้กระตุ้นให้เกิดการขายหุ้นในตลาดทุนสหรัฐฯ อีกครั้ง ธนาคารกลางสหรัฐฯ ไม่ต้องการเร่งรีบ มันมีแผนของตัวเองและส่งสัญญาณเพื่อทำให้ความวิตกสงบลง Goolsbee กล่าวว่าความคาดหวังของเงินเฟ้อระยะสั้นได้เพิ่มขึ้น ดังนั้นเราต้องรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ขณะที่อัตราผลตอบแทนของพันธบัตร Treasury ที่ป้องกันเงินเฟ้อระยะ 5 ปี (TIPS) กลับลดลงอย่างชัดเจนในสัปดาห์ที่ผ่านมา—ชี้ทางแนวโน้มตรงกันข้าม

ตลาดสวอปได้เตรียมการสำหรับความเป็นไปได้ในการลดอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลางสหรัฐฯ สี่ครั้งในปีนี้ ค่าเงินดอลลาร์จึงสูญเสียการสนับสนุน แผนของทรัมป์ที่จะนำเสนอภาษีใหม่ยังไม่สัมฤทธิ์ผล—จีนปฏิเสธที่จะยอมจำนน และยังเตือนประเทศอื่นไม่ให้ทำข้อตกลงกับสหรัฐฯ โดยครอบคลุมค่าใช้จ่ายของตนเอง

ยังไม่ชัดเจนว่าใครจะเป็นผู้ชนะ—ถ้ามีผู้ชนะเหลืออยู่หรือไม่ ถึงอย่างนั้น นักลงทุนก็กำลังซื้อทองคำแทนเงินดอลลาร์ เพื่อเตรียมพร้อม

สัปดาห์ที่แล้ว เราได้คาดการณ์ว่ามันจะไม่ใช่สัญญาณกลับทิศ แม้ว่า S&P 500 จะพุ่งขึ้น ในทางตรงกันข้าม มันจะเป็นเพียงชั่วคราว เนื่องจากเหตุผลพื้นฐานยังคงกดดันดัชนีให้ลงต่ำต่อไป

และแล้วมันก็เกิดขึ้น: S&P 500 หลังจากที่มีการรวมตัวกันเพียงสั้นๆ ตอนนี้ก็ได้หันมาทางใต้กับอีกครั้ง การขายออกเริ่มดูเหมือนว่าจะเข้าสู่ภาวะตื่นตระหนกอีกครั้ง และระดับ 4,800 ที่เคยมองว่าไม่สามารถเข้าถึงได้อีกต่อไปนั้นดูไม่น่าจะใช่อีกต่อไป อีกทั้งเป้าหมายในระยะยาวได้เปลี่ยนไปอยู่ที่ระดับ 4,500 หากเกิดการปรับฐาน มันก็อาจจะตื้นๆ เพราะแทบไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะคาดหวังว่าการฟื้นฟูในระยะยาวจะเกิดขึ้นได้อย่างยั่งยืน